อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในกลุ่ม A ยังคงมีม้า 3 ตัวที่กำลังแย่ง 2 อันดับแรก เพื่อการันตีฟาดแข้งในกลางปีหน้า 

สถานการณ์ปัจจุบัน สก็อตแลนด์ เป็นผู้นำ มี 15 คะแนน โดยเหลือการแข่งขันอีก 2 นัด ตามด้วยสเปน 12 คะแนน ที่ถึงแม้คะแนนจะยังเป็นรอง แต่ก็แข่งน้อยกว่า 1 เกม ส่วนนอร์เวย์นั้นเสียเปรียบที่สุด เนื่องจากมี 10 คะแนน 

ทางด้านทีมจาก ‘ดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน’ ถูกบังคับว่าต้องชนะทัพ ‘กระทิงดุ’ ในค่ำคืนนี้ให้ได้สถานเดียว ก่อนจะไปลงเล่นนัดสุดท้ายที่แดน ‘วิสกี้’ ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงพวกเขา ตกอยู่ในความยากลำบาก เพราะนอกจากตัวเองจะต้องโกยทุกแต้มที่มีสิทธิคว้าแล้วยังต้องแช่งชักหักกระดูกอีกทั้งสองทีมด้วย

ส่วนฝั่งสเปน เนื่องจากการที่พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ สกอตแลนด์ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สำเร็จ ส่งผลให้ได้เปรียบเป็นอย่างมากในขณะนี้ และสามารถคาดหวังถึงการจบอันดับหนึ่งของตารางได้สบายๆ

แต่เรื่องที่น่าห่วงของพวกเขาคือรอบสุดท้าย เพราะนับตั้งแต่โกยแชมป์ 3 ทัวร์นาเมนต์ติด ระหว่างปี 2008 - 2012 ทั้งในรายการยูโร และฟุตบอลโลก ก็ไม่เคยใกล้เคียงกับโทรฟี่อีกเลย โดยทำได้ดีที่สุดคือมาถึงรอบรองชนะเลิศ ยูโร 2020 ก่อนจะแพ้ให้กับอิตาลี ส่วนที่เหลือคือตกรอบแรก หรือเต็มที่ก็รอบ 16 ทีมเท่านั้น

ทั้งนี้การเลือก หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ ที่คุมทีมสเปนชุดเยาวชน ตั้งแต่ปี 2013 ไล่ขึ้นมาจนทำงานกับทีมชุดใหญ่ ก็เป็นอะไรที่ชัดเจนว่า ‘กระทิงดุ’ กำลังปูรากฐานใหม่ ซึ่งยังต้องรอดูความสำเร็จกันในระยะยาวอีกครั้ง

ก่อนจะพูดกันไปไกล ต้องวกกลับมาที่ค่ำคืนนี้ก่อน เพราะหากสเปน ไม่สามารถเอาชนะได้ สถานการณ์ที่กำลังจะได้เปรียบ อาจกลับไปเป็นฝ่ายโดนเหยียบอีกครั้ง ส่วนฝั่ง นอร์เวย์ ไม่มีอะไรมาก ภาวนาให้ มาร์ติน โอเดการ์ด และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ สำแดงเดชให้ได้ แล้วหวังว่าเพื่อนร่วมทีมคนอื่นจะไม่ก่อความผิดพลาด จนซัมเมอร์หน้าทำได้แค่เปิดทีวีดูอยู่บ้านเฉยๆ

เขียนโดย The Lite Team.